RSS ถูกนำมาประยุกต์ใช้โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแชร์ข้อมูล

RSS ช่วยลดข้อจำกัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์โดยเฉพาะกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่ผู้สร้างไม่ต้องเสียเวลาทำหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลบนเว็บไซต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ปัจจุบัน RSS ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบกลางในการบริการข้อมูลทางธุรกิจและมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแชร์ข้อมูล เช่น เว็บไซต์ข่าว เว็บล็อก ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลบนหน้าต่างพรีวิวแยกต่างหากเพื่อให้ผู้ใช้ไม่สับสน รวมถึงสามารถสืบค้นข้อมูลได้

จุดเด่นของ RSS

คือผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อดูว่ามีข้อมูลอัปเดทใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัปเดทไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดูเนื้อหาอัปเดทใหม่บนเว็บไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้สามารถรับข่าวสารอัปเดทใหม่ได้โดยไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์ RSS นำมาใช้สำหรับการแบ่งปันหัวเรื่อง ข้อมูลบนเว็บระหว่างเว็บด้วยกัน หรือสำหรับดึงข่าวจากเว็บต่างๆ มาแสดงบนเว็บของคุณ ซึ่งแต่ก่อนอาจมีการสร้างหัวเรื่องของข่าวจากเว็บต้นแบบ จากนั้นนำลิงค์ไปติดที่หน้าเว็บของเรา การแก้ไขถ้าเว็บต้นแบบแก้ไข เว็บของเราจะต้องทำการแก้ไขตามด้วย

ในปัจจุบัน RSS เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในเว็บไซต์ต่างประเทศ

เช่น Google, Yahoo!,CNet และเว็บไซต์ขององค์กรต่างๆ อีกมากมาย เกือบทุกองค์กร หรือหน่วยงาน ที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ข่าว จะมี RSS เพื่อบริการแล้วทั้งสิ้น สามารถสังเกตได้ที่หน้าเว็บไซต์จะพบสัญลักษณ์ RSS ซึ่งวิธีนำไปใช้งานผ่านทางหน้าเว็บไซต์สามารถดึงข่าวผ่าน RSS ได้โดยง่ายเพียงนำ Link ของหัวข้อข่าวที่สนใจไปติดที่เว็บไซต์ผ่านโปรแกรมดึงข่าวต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับ Mambo, PHP-Nuke, Weblog ต่างๆได้ทันที ผ่าน RSS reader

เทคโนโลยีของ RSS

ทำให้คุณสามารถรับข่าวสารจากเว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารในรูปแบบRSS ซึ่งตามปกติแล้วเว็บไซต์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มเติมเนื้อหาบ่อยๆ หากคุณต้องการใช้เทคโนโลยีนี้ คุณต้องติดตั้งโปรแกรมรวมกลุ่มข่าวสารไว้ด้วย โดยหลักการของโปรแกรมลักษณะนี้ก็คล้ายกับโปรแกรมรับอีเมลนั่นเอง หลังจากนั้นก็เพียงไปลงทะเบียนรับข่าวสารจากเว็บไซต์ต่างๆที่ให้บริการRSS ซึ่งบริการเหล่านี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ข้อมูลที่ได้จะเป็นเพียงหัวข้อข่าว หรือรายละเอียดโดยย่อเท่านั้น ส่วนเนื้อหา หรือข้อความหลักของข่าวนั้นก็จะมีลิงก์เชื่อมโยงไปให้อีกทีหนึ่ง